Symbiosis: Back to the Nature: Surapong Sudasna na Ayudhya Solo Exhibition
Exhibition Opening Reception
Sunday 4, May 3PM onwardsat Saratta Space, Reno Hotel Bangkok
“เมื่อเราเงียบลงธรรมชาติก็จะเริ่มพูดกับเราอีกครั้ง”
“และเมื่อเรากลับมาตั้งใจฟัง...จะพบว่าเราไม่เคยแยกกันเลย”
นิทรรศการนี้เริ่มต้นจากช่วงเวลาสงบนิ่ง ช่วงเวลาที่ผมกลับมาสำรวจตัวเองอย่างเรียบง่ายและซื่อตรง ระหว่างการเดินทางไปในโลกกว้าง ผมได้สัมผัสธรรมชาติในรูปแบบต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นป่า ภูเขา พืชพันธุ์ ทะเล แม่น้ำ สัตว์น้อยใหญ่หรือแม้แต่แมลงตัวเล็ก ๆที่บินผ่านหน้า ทุกสิ่งดูธรรมดาแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานชีวิตที่มองเห็นรู้สึกได้ และในจังหวะหนึ่งของการหยุดนิ่ง...ผมได้ยินเสียงจากภายในอันแผ่วเบาเริ่มตั้งคำถาม “ทุกวันนี้...มนุษย์อย่างผมยังเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติอยู่หรือไม่?” หรือว่าเราเองที่ค่อย ๆแยกตัวออกมาโดยพรมแดนแห่งเทคโนโลยี ความเร่งรีบ และความสะดวกสบาย จนหลงลืมความสัมพันธ์ดั้งเดิมที่ครั้งหนึ่งเคยแนบแน่น จากคำถามนั้นพาผมย้อนกลับไปหาความทรงจำในวัยเด็กถึงความเชื่อเรื่อง “ขวัญ” ที่เคยอบอวลอยู่ในวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทยและดินแดนอุษาคเนย์ซึ่งเป็นเหมือนเส้นใยที่ผสานมนุษย์เข้าไว้กับธรรมชาติ
“ขวัญ” คือพลังงานชีวิตที่ดำรงอยู่ในทุกสิ่งตามความเชื่อ ไม่ใช่อยู่แค่ในตัวเราแต่รวมถึงมีอยู่ในสัตว์ ต้นไม้ ภูเขา แม่น้ำ และแม้แต่สิ่งของเครื่องใช้ แนวคิดนี้ไม่เคยแยกธรรมชาติออกจากมนุษย์ แต่กลับมองว่า เราทุกคนล้วนมีชีวิตมีความรู้สึกและมีจิตใจที่เชื่อมโยงถึงกัน การเคารพ “ขวัญ” จึงเหมือนภาพสะท้อนว่าครั้งหนึ่งมนุษย์เคยอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างแนบแน่นเป็นรากฐานของวิถีชีวิตที่ไม่ใช่แค่พิธีกรรม แต่คือภาษาของความเข้าใจและการดูแลซึ่งกันและกัน
Symbiosis: Back to the Nature จึงไม่ใช่แค่การมองธรรมชาติในมุมมองของความเชื่อแต่คือการระลึกถึงสายสัมพันธ์ดั้งเดิมที่ครั้งหนึ่งเราเคยมีร่วมกับทุกสรรพสิ่งในฐานะคนทำงานศิลปะ ขั้นตอนการทำงานผมไม่ได้พยายามนิยามว่าขวัญคืออะไรแต่ผมเลือกที่จะ “ฟัง” ......ผ่านสี แสง รูปทรง ความนิ่ง จังหวะของความเงียบและถ่ายทอดออกมา ผลงานแต่ละชิ้นจึงเปรียบเสมือน “บทสนทนา” ระหว่างผมกับธรรมชาติ บางบทก็เป็นเสียงกระซิบ บางบทคือการยอมรับ และบางบทก็เป็นเพียงการอยู่เงียบๆด้วยกัน
"When we become quiet, nature begins to speak to us once again."
"And when we truly listen... we realize we were never apart."
This exhibition began during a time of stillness a moment when I returned to myself with simplicity and honesty, while journeying through the wider world. I encountered nature in many forms: forests, mountains, vegetation, the sea, rivers, creatures great and small even the fleeting presence of a tiny insect crossing my path. Everything appeared ordinary, yet brimming with a life force that could be seen and felt. And in a single moment of stillness... I heard a quiet voice from within asking: "Am I, as a human, still part of nature?” Or have we, little by little, drifted away separated by the boundaries of technology, haste, and convenience until we’ve forgotten the deep connection we once shared?
That question led me back to a childhood memory of the Thai and Southeast Asian belief in "khwan” a vital life essence present not only in humans but in animals, trees, mountains, rivers, and even inanimate objects. In this worldview, nature is never separate from humankind. Everything is alive, sentient, and interconnected. To respect khwan is to recognize a time when humans and nature coexisted harmoniously not merely through ritual, but through a shared language of empathy, care, and mutual understanding.
Symbiosis: Back to the Nature is not just a reflection on nature through the lens of belief it is a remembrance of our original bond with all living things. As an artist, I don’t attempt to define what khwan is, but instead I choose to listen through color, light, form, stillness, and the rhythm of silence. Each artwork becomes a kind of dialogue between myself and nature. Some pieces are whispers. Some are moments of acceptance. And others... are simply about being quietly together.
Artist Statement
การสร้างสรรค์ผลงานเสมือนการเดินทางกลับมาทบทวนความเป็นมนุษย์ ทั้งของตัวเองและของคนอื่น
ผมเริ่มต้นการทำงานจากความหลงใหลในโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ (Anatomy) เส้นสาย กล้ามเนื้อ ปริมาตร และจังหวะของสรีระเหล่านี้ไม่ใช่แค่ความงามภายนอก แต่คือประตูไปสู่การรับรู้ถึงอารมณ์ ความเปราะบาง และสิ่งที่อยู่ลึกกว่านั้น
ผลงานของผมไม่เน้นคำตอบ แต่เน้นการตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์-ระหว่างมนุษย์กับตัวเอง กับสังคม กับความรู้สึก และธรรมชาติ ผมเชื่อว่าศิลปะมีพลังบางอย่างที่สามารถฟื้นฟูการรับรู้ที่เราอาจหลงลืมไปในโลกที่เร่งรีบ
การเติบโตขึ้นมาในวัฒนธรรมอุษาคเนย์ทำให้ผมซึมซับแนวคิดที่ว่าทุกสิ่งมีความเชื่อมโยงกัน ทั้งที่มองเห็นและที่มองไม่เห็น ผลงานที่ผมสร้างจึงไม่ใช่แค่ผลงานหนึ่งชิ้น แต่เป็นพื้นที่ให้เราได้หยุดพัก ได้มอง และอาจได้เข้าใจตัวเองและผู้อื่นมากขึ้น
ศิลปะคือบทสนทนาที่ไม่ต้องการคำอธิบายมากมายแค่เพียงเราเปิดใจรับฟัง
สุรพงศ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา
2025